(ภาพประกอบจาก ศูนย์วิทยบริการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา http://elib.fda.moph.go.th/library/default.asp?page2=subdetail&id=45483)

Tofacitinib (ยารักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์) กับความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดที่ปอด

Tofacitinib (ชื่อเดิมคือ tasocitinib) เป็นยาในกลุ่ม JAK inhibitors หรือ jakinibs ออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ JAKs (Janus-associated kinases หรือ Janus kinases) ได้ทั้ง JAK1, JAK2 และ JAK3 (ด้วยความแรงต่างกัน) ใช้รักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โดยเป็นยาที่หยุดยั้งการรุดหน้าของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ตัวแรกในกลุ่มยาเคมีสังเคราะห์ที่ออกฤทธิ์ตรงเป้าหมาย (targeted synthetic chemical disease-modifying antirheumatic drugs หรือ “tsDMARDs”) และจัดอยู่ในกลุ่มยารักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์จำพวกโมเลกุลขนาดเล็ก (small molecules) เมื่อเปรียบเทียบกับยาในกลุ่มที่เป็นชีววัตถุ (biological DMARDs) ยานี้สามารถให้โดยการรับประทาน เป็นยาที่มีบทบาทมากในการรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ นอกจากนี้ยังมีบทบาทในการรักษาโรคภูมิต้านตนเองชนิดอื่นที่มีการอักเสบร่วมด้วย (ดูข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อง “JAK inhibitors...เป็นมากกว่ายารักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์” ใน “ข่าวยา” ประจำสัปดาห์ที่ 3 เดือน สิงหาคม ปี 2560 ได้ที่ https://www.pharmacy.mahidol.ac.th/dic/news_week_full.php?id=1419) ในบางประเทศยานี้ยังได้รับข้อบ่งใช้สำหรับรักษาโรคข้ออักเสบในโรคสะเก็ดเงิน (psoriatic arthritis) และโรคลำไส้อักเสบชนิด ulcerative colitis ด้วย 

สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ของ tofacitinib และยาอื่นในกลุ่ม JAK inhibitors ในด้านการเกิดภาวะลิ่มเลือดหลุดอุดหลอดเลือด (thromboembolic adverse events) นั้นมีการกล่าวถึงแล้วก่อนหน้านี้ แม้จะยังไม่ชัดเจนถึงความเสี่ยงต่อการเกิด pulmonary embolism ในเรื่องที่สอดคล้องกันนี้หน่วยงาน FDA ของสหรัฐอเมริกาได้แจ้งข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้ถึงผลจากการศึกษาทางคลินิกด้านความปลอดภัยของ tofacitinib (เป็น safety clinical trial คาดว่าเสร็จสิ้นราวปลายปี ค.ศ. 2019) ซึ่งทำในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป และมีปัจจัยเสี่ยงด้านหัวใจและหลอดเลือดไม่น้อยกว่า 1 อย่าง ผู้ป่วยได้รับ tofacitinib ในขนาด 10 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้ง หรือ 5 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้ง ในเบื้องต้นพบว่าผู้ป่วยในกลุ่มที่ได้รับยาขนาด 10 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้ง มีความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือด (blood clots) ที่ปอดและการเสียชีวิตสูงกว่าผู้ป่วยในกลุ่มที่ได้รับยาขนาด 5 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้ง หรือกลุ่มที่ได้รับ TNF inhibitor ทำให้เมื่อเร็วๆ นี้หน่วยงาน FDA ของสหรัฐอเมริกาได้มีข้อมูลและข้อแนะนำไปยังบุคลากรทางการแพทย์ดังนี้

 การใช้ tofacitinib ในขนาด 10 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้ง เพื่อการรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดที่ปอดและการเสียชีวิต (ในประเทศดังกล่าว tofacitinib ขนาด 10 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้ง ใช้สำหรับโรคลำไส้อักเสบชนิด ulcerative colitis ไม่ใช่ขนาดที่ได้รับอนุมัติในข้อบ่งใช้สำหรับโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์)

 ควรสั่งใช้ยา tofacitinib ตามข้อแนะนำที่ให้ไว้เฉพาะตามชนิดโรค 

 เฝ้าระวังผู้ป่วย (ที่ใช้ยาดังกล่าว) ถึงความผิดปกติด้านอาการและอาการแสดงของ pulmonary embolism

 ให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยถึงการรีบพบแพทย์ทันทีหากเกิดอาการบางอย่างเหล่านี้ ได้แก่ หายใจเร็วและสั้นๆ หรือหายใจลำบากที่เกิดอย่างฉับพลัน เจ็บหน้าอกหรือเจ็บด้านหลัง ไอเป็นเลือด เหงื่อออกมาก ผิวหนังเย็นชื้นหรือเขียวคล้ำ 

อ้างอิงจาก:

(1) US FDA Drug Safety Communication: Safety trial finds risk of blood clots in the lungs and death with higher dose of tofacitinib (Xeljanz, Xeljanz XR) in rheumatoid arthritis patients; FDA to investigate (February 25, 2019). https://www.fda.gov/downloads/Drugs/DrugSafety/UCM631989.pdf; (2) Verden A, Dimbil M, Kyle R, Overstreet B, Hoffman KB. Analysis of spontaneous postmarket case reports submitted to the FDA regarding thromboembolic adverse events and JAK inhibitors. Drug Saf 2018;41:357-61.

 

ข้อมูลจาก : หน่วยคลังข้อมูลยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล https://www.pharmacy.mahidol.ac.th/dic/news_week_full.php?id=1500